ก่อนบุกไปเยือน เบรนต์ฟอร์ด – ผมวิเคราะห์ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์พังพาบ !!!
ทั้งผู้ชมและผู้อ่านส่วนมากคิดว่าผม “ออกตัว” และพูดแก้เคล็ดไปอย่างนั้น แต่ขอยืนยันและสาบานหนักแน่นว่าผมคิดแบบนั้นจริงๆย้ำอีกครั้งว่าคิดแบบนั้นจริงๆ เพียงแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเละเทะถึงขนาดโดนกะซวกถึง 4 ดอกเน้นๆ ในครึ่งแรก

1.นัดที่แล้ว เอริค เทน ฮาก จัดตัวผิดที่ไม่ส่งกองหน้าอาชีพลงตัวจริง โดยเอา คริสเตียน เอริคเซ่น ไปสวมบท False9 จนเป็นหนึ่งในสาเหตุของความพ่ายแพ้
เกมนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่น 11 ตัวจริงบางตำแหน่งในระบบ 4-3-3
แผงแบ็คโฟร์เหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เล่นเซ็นเตอร์แบ็คคู่กัน
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมายืนหัวหอกตัวเป้า
ตรงกลางมี เฟร็ด, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ คริสเตียน เอริคเซ่น
ตอนแรก เข้าใจว่า เฟร็ด เล่นเป็นตัวโฮลด์บอลอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ ขณะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น ทำหน้าที่ผู้เล่นหมายเลข 8 ขึ้นๆ ลงๆ ช่วยเกมรับและเกมรุกตามจังหวะ โดยปล่อยให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สร้างสรรค์เกมรุกแบบเต็มตัว
ต่อเมื่อเห็นตำแหน่งบนฟลอร์หญ้า พบว่าดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กต่างหากที่สวมบทตัวโฮลด์บอล คอยตั้งเกมอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์
สรุปว่าผ่านไป 2 นัด คริสเตียน เอริคเซ่น เป็นทั้งกองหน้าและมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งไม่ใช่งานถนัดทั้ง 2 ตำแหน่ง แถมก่อความผิดพลาดถึงขั้นเสียประตูอีกต่างหาก

2.พลพรรคปีศาจแดงในชุด “สางเขียว” เริ่มต้นได้อย่างคึกคัก ด้วยการครองบอลบุกได้มากกว่า ก่อนค่อยๆ ลดระดับลงเหมือนเกมแรกของฤดูกาลเลยนะครับ
ทันใด ดาบิด เด เคอา ก็รับบอลพลาด อนุญาตให้ลูกยิงที่ไม่รุนแรงและหนีมือของคู่แข่งหลุดมือกลิ้งข้ามเส้นประตูไปง่ายๆ จนต้องอุทานถึงสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งพร้อมกันทั้งบาง
มันเกิดจากความเลินเล่อของนายทวารค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลก (3.5 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์) ล้วนๆ ที่มั่นใจมากจนประมาทว่าพุ่งตะครุบได้แบบสบายๆ แน่ๆ
อยู่ดีๆ ไปต่อให้เขาก่อนอีกแล้ว
ปกติเกมรับก็ไม่ค่อยมีความเหนียวแน่นอยู่แล้วนะครับ เกมนี้ผู้รักษาประตูดันไปแถมให้เขาอีก
อนึ่ง กูล่ะเบื่อ

3.เท่านั้นไม่พอ
ความพยายามเซ็ตบอลหรือที่นักวิจารณ์ลูกหนังในทีวีชอบเรียกว่า “บิลด์อัพเกม” จากในกรอบเขตโทษยังนำมาซึ่งหายนะเป็นระลอกที่ 2
เรื่องนี้เป็นคำสั่งของ เอริค เทน ฮาก แน่นอน เพราะมันเป็นสไตล์การสร้างเกมขึ้นมาของคุณพี่เขา แถมสั่งลูกทีมแปลกๆ ด้วยการให้กองหลังจ่ายบอลแรกให้ผู้รักษาประตูเป็นตัวขึ้นเกมซะด้วย
แล้วก็ได้เรื่องครับ
คือ โธมัส แฟร้งค์ กุนซือสโมสรผึ้งน้อยศึกษาสไตล์การเล่นของ เอริค เทน ฮาก มาอย่างละเอียดจึงสั่งลูกทีมบีบสูงพลางพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็ตบอลขึ้นมาได้ถนัด
พลันที่ ดาบิด เด เคอา เริ่มต้นเซ็ตบอลในเขตโทษ ผู้เล่นของ เบรนต์ฟอร์ด จะเข้าประกบแบบตัวตัวต่อทันที
จังหวะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น ถอยลงมาเอาบอลหน้ากรอบเขตโทษ นายทวารปีศาจแดงเห็นอยู่แล้วนะครับว่าเพื่อนร่วมทีมถูกตัวประกบตามบี้มาติดๆ
แทนที่จะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการหวดยาวไปข้างหน้า “พี่เดฟ” กลับจ่ายบอลยัดให้ดาวเตะพันธุ์โคนมดื้อๆ
คริสเตียน เอริคเซ่น อันตรายเมื่อหันหน้าเข้าหาประตูคู่แข่งนะครับ ไม่ใช่หันหน้าเข้าหาประตูตัวเอง เพราะเขาไม่ใช่มิดฟิลด์ที่คอยถอยลงไปเอาบอลจากกองหลัง (หรือผู้รักษาประตู) มาตั้งเกม
ผลก็คือถูกตัวประกบที่ตามบี้มาแบบหายใจรดต้นคอฉกบอลไปยิง
ผิดพลาด 2 จังหวะ ถูกลงโทษทั้ง 2 จังหวะ
มิหนำพอตามหลัง 2-0 ผู้เล่นปีศาจแดงก็ใจเสีย คุมจังหวะกันไม่อยู่ ออกบอลสะเปะสะปะ แดนกลางครองบอลทำเกมรุกกดดันคู่แข่งไม่ได้ เช่นเดียวกับจังหวะทำประตู
ถึงตอนนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คงกลับมายากแล้วล่ะ

4.นอกจากความผิดพลาดของ ดาบิด เด เคอา
ปราการหลังตัวใหม่อย่าง ลิซ่า มาร์ติเนซ ยังถูกเล่นงานจนถึงขั้นถูกเปลี่ยนตัวออก หลังจบครึ่งแรก
จุดอ่อนคือรูปร่างที่เล็กและสั้นเกินไปสำหรับสมรภูมิแข้งที่ฮาร์ดคอร์อย่างพรีเมียร์ลีกนี่แหละ
ว่าแล้วก็ถูกคู่แข่งที่ทำการบ้านมาดีจี้จุดอ่อนเรื่องนี้โดยเฉพาะจนพลาดเสียประตูจากลูกเตะมุม เพราะเอาคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าไม่อยู่
ส่วนประตูที่ 4 มาจากจังหวะโต้กลับของ เบรนต์ฟอร์ด ที่รวดเร็วและแม่นยำดีนักแล
แค่ครึ่งแรกโดนกดไป 4 ดอก มันก็จบบริบูรณ์แล้ว
การถูกถอดออกตั้งแต่จบครึ่งแรกของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แสดงว่าเขาไม่เหมาะกับเกมแบบนี้
เฟร็ด ถูกถอดออก เพราะเล่นอะไรไม่รู้ ไม่มีประโยชน์เหมือนเดิม ขณะผู้เล่นอีกคนที่ถูกถอดออกอย่าง ลุค ชอว์ ก็ไม่ควรได้ลงตัวจริงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว-ขอบอก
แม้ครึ่งหลัง อาการจะดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยก็ไม่เสียประตูเพิ่ม แต่จังหวะเข้าทำมันก็ยังสากกะเบือ และปราศจากความหลากหลาย จ่ายบอลวนไปวนมา หาทางเจาะเข้าไปไม่ได้เหมือนเดิมเลยครับคุณ

5.ทีนี้ถามว่าทำไม ผมถึงบอกก่อนเกมว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีสิทธิ์พังพาบสวนทางกับกูรูลูกหนังอีกหลายท่าน ???
อันดับแรกคือฟอร์มการเล่นในเกมแรกที่ “คาบ้าน” มันยังติดตาและตรึงใจ พวกเขาแพ้ ไบรท์ตัน แบบเสียน้องหมามาก
ผมไม่เชื่อว่า “ผีจะเข้า” หรือ “องค์จะลง” จนกลายเป็นคนละทีมจากนัดแรก
เฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพผู้เล่นในแดนกลางที่ไม่ได้เหนือกว่าใครเขาด้วยซ้ำ
อันดับต่อมา ผมมั่นใจว่า เอริค เทน ฮาก จะส่ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ลงตัวจริง ขณะที่ เบรนต์ฟอร์ด เป็นทีมที่ชอบสาดบอลยาวจากแดนหลัง เช่นเดียวกับครอสส์บอลจากริมเส้นให้ศูนย์หน้าตัวใหญ่ๆ โถมเข้าใส่ บวกกับการวิ่งสู้ฟัด
แบบนี้อุทานสำเนียงแต้จิ๋วได้เลยว่า…ชิกหาย
เกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงเสียประตูง่ายเหมือนเดิม เพราะยังไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับระดับอ๋องมาช่วยแบ่งเบาภาระให้กองหลัง
เกมรุกก็ไม่มีแมวน้ำอะไร นอกจากพยายามส่งให้ “พี่โด้” บนวัย 37 หาทางทำประตู
เรื่องมันจึงเอวังลงด้วยประการฉะนี้
อย่างไรก็ตาม
ขอให้เด็กผีสนับสนุน เอริค เทน ฮาก ต่อไปนะครับ
ท่องเอาไว้ว่าสร้างทีมใหม่ต้องใช้เวลาอดทน – สร้างทีมใหม่ต้องอดทน
อดทน
อดทน
อดทน
ถ้าทนได้ก็ทน ถ้าทนไม่ได้ก็ต้องทน เข้าใจไหม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น