วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ลือหนัก!ตระกูล"เกลเซอร์"จ่อมอบหุ้นเอาใจแฟนแมนฯยูฯ

 


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวว่าตัดสินใจแน่นอนแล้วที่จะแบ่งปันหุ้นส่วนความเป็นเจ้าของสโมสรในฐานะความพยายามที่จะเอาชนะใจแฟนบอลเพื่อให้หวนกลับมาเชื่อใจและไว้วางใจกันในบั้นปลาย

   
โครงการดังกล่าวจะเป็นการเสนอหุ้นประเภทใหม่ที่มาพร้อมกับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเช่นเดียวกับหุ้นที่ถือครองอยู่แล้วโดย โจเอล เกลเซอร์ อัครมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้เป็นเจ้าของร่วมสโมสรที่ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทีมแทมปา เบย์ บักคาเนียร์ส แชมป์อเมริกันฟุตบอล "ซูเปอร์โบว์ล" อยู่ด้วยเช่นกัน

พร้อมกันนั้นคณะกรรมการที่ปรึกษาแฟนบอลชุดใหม่ยังจะได้มีการแต่งตั้งขึ้นมาเพื่อเพิ่มพูนอิทธิพลให้กับเหล่าบรรดากองเชียร์ "เร้ด อาร์มี่" ทั้งหลายในแง่การบริหารจัดการองค์กรต่อไปด้วยอีกต่างหาก ตามรายงานข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก



ภายหลัง อัฟราม เกลเซอร์ ประธานร่วมแมนฯ ยูไนเต็ดนำหุ้นส่วนของตัวเองมูลค่า 97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,007 ล้านบาท) ออกมาขายเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไปได้เพียงไม่นานเท่าไหร่นัก สโมสรลูกหนังที่มีมูลค่ากว่า 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 130,200 ล้านบาท) ก็มีอันต้องเผชิญกับความระส่ำระสายอย่างไม่คาดฝันในเดือนต่อมา อันเนื่องมาจากกรณีการตัดสินใจไปร่วมวงโม่แข้งศึกยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก (อีเอสแอล) ที่ล่มปากอ่าวไปแล้วเรียบร้อย

แฟนบอลกริ้วโกรธเคืองแค้นฝังหุ่นกันเลยทีเดียวเพราะการตัดสินใจดังกล่าว จนกระทั่งนำไปสู่การประท้วงจนเกือบๆ จะเกิดการจลาจลย่อมๆ คาสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเกม "แดงเดือด" ฉบับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวเฝ้ารังรอรับมือลิเวอร์พูล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ถึงขั้นมีอันต้องเลื่อนออกมาฟาดแข้งกันใหม่ในวันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมากันเลยทีเดียว



อย่างไรก็ตามสโมสรแมนฯ ยูไนเต็ดได้รีบเร่งออกโรงประกาศถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิก อีเอสแอลอย่างรวดเร็ว พร้อมกับออกแถลงการณ์ขออภัยแฟนบอลทั้งหลายโดยผู้บริหารสโมสรในเวลาต่อมา

"การกระทำเสียงดังกว่าคำพูด และเขากับครอบครัวของเขาได้แสดงออกมาให้เห็นกันจะจะครั้งแล้วครั้งเล่าว่าแรงจูงใจเพียวๆ ของพวกเขาก็คือผลกำไรส่วนตัวที่ก่อความเสียหายให้กับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้" แถลงการณ์ของกลุ่มแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัพพอร์ตเตอร์ ทรัสต์ ที่มีสมาชิกกว่า 200,000 คน ระบุ

ตระกูลเกลเซอร์เข้ามาซื้อกิจการ "เร้ด เดวิลส์" ไปครอบครองเมื่อปี 2005 ในราคา 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 46,500 ล้านบาท) โดยมีแฟนบอลหลายพันคนเลยทีเดียวที่ต้องถูกบีบบังคับให้ขายหุ้นทั้งหมดมาให้กับครอบครัวดังกล่าวในฐานะ "การซื้อขายหุ้นภาคบังคับ" ตามรายงานข่าวจากไฟแนนเชียล ไทม์ส หนังสือพิมพ์ธุรกิจและเศรษฐกิจรายวันของอังกฤษ



อย่างไรก็ตามเมื่อวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา โจเอล เกลเซอร์ ได้เข้าร่วมการประชุมกับแฟนบอลเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 15 ปีตามคำมั่นสัญญาก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อย

"แฟนๆ คือโลหิตแห่งชีวิตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และโดยส่วนตัวแล้วผมมีพันธกรณีที่จะสร้างความมั่นใจให้ได้ว่าพวกเขาจะได้รับสิทธิ์ในการออกเสียงลงคะแนนให้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก" เกลเซอร์ วัย 54 ปี ระบุ

ก่อนหน้านี้ เกลเซอร์ ผู้นี้ยังได้ยินยอมตอบสนอง 4 ข้อเรียกร้องสำคัญจากแฟนๆ ในจดหมายเปิดผนึก พร้อมขออภัยอีกครั้งหนึ่งสำหรับพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับแนวความคิด ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก และแสดงท่าทียอมรับว่า "มีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง" สำหรับแนวทางที่สโมสรจะได้ปรึกษาหารือร่วมกับแฟนบอลต่อไปในอนาคต



สำหรับจดหมายเปิดผนึกถึงตระกูลเกลเซอร์จากตัวแทนกลุ่มแฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด ประกอบด้วย 4 ข้อเสนอนั้น มีดังนี้

1. เต็มใจที่จะเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เพื่อให้แฟนบอลได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารงานของสโมสรที่จะต้องจัดขึ้นโดยรัฐบาล และใช้โอกาสนี้เพื่อปรับปรุงโครงสร้างสโมสรเพื่อให้แฟนบอลเข้าไปมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น

2. แต่งตั้งกรรมการผู้อำนวยการของบอร์ดบริหารคนใหม่ทันที โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสโมสรเป็นหลักหาใช่ผู้ถือหุ้น

3. ทำงานร่วมกับกลุ่มผู้สนับสนุนของแมนฯ ยูไนเต็ดมากขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และมีหุ้นที่ทุกคนสามารถมีสิทธิ์ออกเสียง หรือมีอำนาจเช่นเดียวกับตระกูลเกลเซอร์ และควรยอมรับกับการที่จะต้องถือหุ้นให้น้อยลง หรืออาจจะต้องถูกซื้อไปทั้งหมดก็ตาม

4. ให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่กับผู้ถือตั๋วปีของสโมสรเพื่อให้แฟนบอลกลุ่มนี้ได้รับประโยชน์สูงที่สุดในอนาคตกับทุกรายการที่สโมสรลงสนามแข่งขัน



ขณะที่จดหมายตอบกลับจาก เกลเซอร์ ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระบุว่า "พวกเราต้องการทำงานร่วมกันเพื่อวางมาตรการซึ่งจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของเรากับแฟนบอล และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสโมสรในระยะยาว"

"ด้วยเจตนารมณ์นี้เราจะติดต่อกับสมาชิกของกลุ่มแฟนบอลเพื่อกำหนดเวลาการประชุมที่ผมจะเข้าร่วมโดยเร็วที่สุดหลังจากเกมสุดท้ายของฤดูกาล ขอขอบคุณอีกครั้งกับการทำงานของพวกคุณสำหรับกลุ่มแฟนบอลและความรักที่คุณมีต่อสโมสร ผมตั้งตารอคอยอย่างยิ่งที่จะได้พบพวกคุณและในระหว่างนี้เราหวังว่าจะจบฤดูกาลด้วยความสำเร็จ"





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น