สิ่งหนึ่งที่เป็นความฝันสูงสุดของบรรดานักฟุตบอลหลายคน แน่นอนว่าล้วนต้องการจะได้ย้ายไปเล่นให้ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปทั้งต้องการประสบความสำเร็จ และชื่อเสียงเงินทองที่จะตามเข้ามา
อย่างไรก็ตามก็มีแข้งอีกหลายคนเช่นกันที่ยังเลือกเล่นให้ต้นสังกัดเดิมทั้งที่มีโอกาสย้ายไปหาความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่กลับปฏิเสธโอกาสที่อยู่ตรงหน้าด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย และนี่คือ 5 แข้งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเงินทองชื่อเสียงไม่ได้สำคัญไปกว่าการได้เล่นฟุตบอลกับทีมที่ตัวเองรักอีกแล้ว
1.สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมอดีตกัปตันทีม "หงส์แดง" ถึงยังเป็นขวัญใจตลอดกาลของสาวก "เดอะ ค็อป" ด้วยความทุ่มเท และผลงานในสนามช่วยทีมครองความสำเร็จมาแล้วมากมายในฟุตบอลถ้วยหลายรายการ แต่สิ่งที่เจ้าตัวยังไม่เคยได้สัมผัสคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ได้สร้างความหวั่นไหวให้กับตัวเขาได้เลย

อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษเคยมีโอกาสใกล้เคียงที่จะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิดล์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เขานำทีมผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการเอาชนะ เอซี มิลาน ที่อิสตันบลู โดยในตอนนั้นเป็น เชลซี ที่จัดการยื่นข้อเสนอ 32 ล้านปอนด์ให้ ลิเวอร์พูล พิจารณาซึ่งเป็นค่าตัวสถิติแพงสุดของนักเตะอังกฤษ พร้อมมี เรอัล มาดริด มาร่วมแจม แต่ดูเหมือนว่าดีลกับ "สิงห์บลูส์" จะเป็นไปได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาเลือกที่จะจรดปากกาต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรต่อไปทั้งที่ได้รับค่าเหนื่อยน้อยกว่าทั้ง เชลซี และ เรอัล มาดริด ที่เสนอมาล่อใจ พร้อมกับปิดโอกาสที่จะออกไปรับเงินที่มากกว่า และแน่นอนทิ้งโอกาสที่จะสัมผัสกับการคว้าแชมป์ลีกที่เจ้าตัวรอคอยมานาน แน่นอนว่าการตัดสินใจของ เจอร์ราร์ด ครั้งนี้มันเป็นการตอกย้ำว่าเขามีความจงรักภักดีกับ ลิเวอร์พูล และกลายเป็นแข้งขวัญใจตลอดกาลของแฟนๆจนถึงปัจจุบัน
2.ฟรานเชสโก้ ต็อตติ

อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษเคยมีโอกาสใกล้เคียงที่จะย้ายออกจากถิ่นแอนฟิดล์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2005 ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่เขานำทีมผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการเอาชนะ เอซี มิลาน ที่อิสตันบลู โดยในตอนนั้นเป็น เชลซี ที่จัดการยื่นข้อเสนอ 32 ล้านปอนด์ให้ ลิเวอร์พูล พิจารณาซึ่งเป็นค่าตัวสถิติแพงสุดของนักเตะอังกฤษ พร้อมมี เรอัล มาดริด มาร่วมแจม แต่ดูเหมือนว่าดีลกับ "สิงห์บลูส์" จะเป็นไปได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาเลือกที่จะจรดปากกาต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรต่อไปทั้งที่ได้รับค่าเหนื่อยน้อยกว่าทั้ง เชลซี และ เรอัล มาดริด ที่เสนอมาล่อใจ พร้อมกับปิดโอกาสที่จะออกไปรับเงินที่มากกว่า และแน่นอนทิ้งโอกาสที่จะสัมผัสกับการคว้าแชมป์ลีกที่เจ้าตัวรอคอยมานาน แน่นอนว่าการตัดสินใจของ เจอร์ราร์ด ครั้งนี้มันเป็นการตอกย้ำว่าเขามีความจงรักภักดีกับ ลิเวอร์พูล และกลายเป็นแข้งขวัญใจตลอดกาลของแฟนๆจนถึงปัจจุบัน
2.ฟรานเชสโก้ ต็อตติ
"เจ้าชายหมาป่า" คือฉายาที่ ต็อตติ ได้รับต่อจาก จูเซ็ปเป้ จานนินี่ หลังจากถวายชีวิตในเส้นทางอาชีพให้กับทีม "หมาป่าแห่งกรุงโรม" ตลอด 25 ปีเพียงทีมเดียวเท่านั้น หลังจากเจ้าตัวก้าวจากชุดเยาวชนขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 1992 ก่อนปิดตำนานลงในปี 2017

หลังจากขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีก็เริ่มฉายแววเด่นขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น จนได้รับความสนใจจากหลายทีมชั้นนำในยุโรปโดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ที่เดินหน้าสร้างทีมใหม่ในยุคกาลาติกอส ในปี 2001 แต่สุดท้าย ต็อตติ กลับทำสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดคือการปฏิเสธโอกาสดังกล่าวไป เพราะความรักที่ตัวเขามีกับโรม่า ซึ่งเป็นสโมสรในวัยเด็ก
หลายปีต่อมา ต็อตติ ได้ออกมายอมรับว่า "ผมเคยเกือบที่จะย้ายไป เรอัล แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ให้ความเคารพต่อแฟนบอลของโร่มา ซึ่งท้ายที่สุดผมได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้ว"
ต๊อตติ แขวนสตั๊ด ในปี 2017 หลังอยู่กับโรม่า 25 ปี ลงสนามไป 786 เกมรวมทุกรายการ ทำได้ 309 ประตู และคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้กับ โรม่า เพียงครั้งเดียวในปี 2001 แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกพอใจและตัดสินใจถูกต้องที่ได้ปิดฉากกับการเล่นให้ โรม่า เพียงสโมสรเดียว
3.แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์
เจ้าของฉายา "เลอ ก็อด" เริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพในปี 1986 กับ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยทำสถิติลงเล่นเกินกว่า 500 นัดและทำประตูกว่า 200 ประตูให้กับสโมสร พร้อมกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับสองของสโมสร และเป็นนักเตะตำแหน่งกองกลางคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูได้เกินกว่า 100 ประตู

แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของ เลอ ทิสซิเอร์ สามารถย้ายไปประสบความสำเร็จกับทีมใหญ่ได้สบายๆ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยุติเส้นทางอาชีพกับทีม "นักบุญ" ไว้เพียงทีมเดียวเท่านั้น โดยเจ้าตัวเคยยอมรับว่าเกือบที่จะได้ย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ในปี 1990 แต่สุท้ายเลือกที่จะต่อสัญญากับต้นสังกัดออกไป แม้จะมีการตกลงกับ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ล กุนซือ "ไก่เดือยทอง" ในเวลานั้น
4.อลัน เชียร์เรอร์

หลังจากขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีก็เริ่มฉายแววเด่นขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกในช่วงเวลานั้น จนได้รับความสนใจจากหลายทีมชั้นนำในยุโรปโดยเฉพาะ เรอัล มาดริด ที่เดินหน้าสร้างทีมใหม่ในยุคกาลาติกอส ในปี 2001 แต่สุดท้าย ต็อตติ กลับทำสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดคือการปฏิเสธโอกาสดังกล่าวไป เพราะความรักที่ตัวเขามีกับโรม่า ซึ่งเป็นสโมสรในวัยเด็ก
หลายปีต่อมา ต็อตติ ได้ออกมายอมรับว่า "ผมเคยเกือบที่จะย้ายไป เรอัล แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ให้ความเคารพต่อแฟนบอลของโร่มา ซึ่งท้ายที่สุดผมได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องแล้ว"
ต๊อตติ แขวนสตั๊ด ในปี 2017 หลังอยู่กับโรม่า 25 ปี ลงสนามไป 786 เกมรวมทุกรายการ ทำได้ 309 ประตู และคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้กับ โรม่า เพียงครั้งเดียวในปี 2001 แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกพอใจและตัดสินใจถูกต้องที่ได้ปิดฉากกับการเล่นให้ โรม่า เพียงสโมสรเดียว
3.แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์
เจ้าของฉายา "เลอ ก็อด" เริ่มต้นชีวิตนักเตะอาชีพในปี 1986 กับ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยทำสถิติลงเล่นเกินกว่า 500 นัดและทำประตูกว่า 200 ประตูให้กับสโมสร พร้อมกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับสองของสโมสร และเป็นนักเตะตำแหน่งกองกลางคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูได้เกินกว่า 100 ประตู

แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของ เลอ ทิสซิเอร์ สามารถย้ายไปประสบความสำเร็จกับทีมใหญ่ได้สบายๆ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยุติเส้นทางอาชีพกับทีม "นักบุญ" ไว้เพียงทีมเดียวเท่านั้น โดยเจ้าตัวเคยยอมรับว่าเกือบที่จะได้ย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ในปี 1990 แต่สุท้ายเลือกที่จะต่อสัญญากับต้นสังกัดออกไป แม้จะมีการตกลงกับ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ล กุนซือ "ไก่เดือยทอง" ในเวลานั้น
4.อลัน เชียร์เรอร์
ตำนานกองหน้านิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ถือเป็นหนึ่งในกองหน้าดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ทีมชาติ อังกฤษ เคยมีมาก็ว่าได้ หลังจากเขาทำได้ถึง 260 ประตูในลีกสูงสุดของอังกฤษ จากการลงเล่นให้ทัพ "สาลกิาดง" และ แบล็กเบิร์น พร้อมกลายเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีกจนถึงทุกวันนี้ที่ยากจะหาใครมาทำลายได้

ดาวยิง "ฮอตชอต" เป็นหนึ่งในนักเตะที่ตกเป็นเป้าหมายของทีมชั้นนำมาแล้ว โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เจ้าตัวปฏิเสธย้ายมาเล่นให้ "ปีศาจแดง" ในยุคของบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 1996 ทั้งที่ตกลงค่าตัวกับ แบล็คเบิร์น ต้นสังกัดในเวลานั้นของเจ้าตัวได้แล้วในราคา 15 บ้านปอนด์ แต่สุดท้าย เชียร์เรอร์ กลับย้ายไปอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมบ้านเกิดของตัวเองแทน และไปสร้างตำนานบทใหม่ในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค จากผลงาน 206 ประตู จาก 405 เกม แต่ก็ไม่ได้สัมผัสคว้าแชมป์รายการใดเลย
5.เจมี่ วาร์ดี้
หลังจาก เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นครั้งแรก ในฤดูกาล 2015-16 ก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนกลายเป็นแข้งเนื้อหอมทันที และย้ายไปหาความท้าทายครั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ย้ายไปอยู่กับ เชลซี และ ริยาด มาห์เรซ ที่ไปลงเอยกับ แมนฯ ซิตี้

ขณะที่ วาร์ดี้ ก็เป็นนักเตะของทีมอีกรายที่เนื้อหอมสุดๆไม่แพ้กันในเวลานั้นโดยใกล้เคียงที่จะย้ายไปร่วมทีม อาร์เซน่อล โดยยอดทีมแห่งลอนดอนได้มีการตกลงในเรื่องข้อเสนอสำหรับดาวยิงดีกรีทีมชาติอังกฤษไปแล้ว แต่สุดท้าย วาร์ดี้ กลับปฏิเสธที่จะย้ายไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2016
หลังจากนั้น วาร์ดี้ เคยเผยว่าตนไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจอยู่กับ เลสเตอร์ ต่อไป "ผมตัดสินใจไปแล้วและไม่เคยมองย้อนกลับไปเลย ผมต้องก้าวเดินต่อไปกับการเล่นฟุตบอลของผม และทำผลงานให้ดีกับต้นสังกัด"

ดาวยิง "ฮอตชอต" เป็นหนึ่งในนักเตะที่ตกเป็นเป้าหมายของทีมชั้นนำมาแล้ว โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เจ้าตัวปฏิเสธย้ายมาเล่นให้ "ปีศาจแดง" ในยุคของบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในปี 1996 ทั้งที่ตกลงค่าตัวกับ แบล็คเบิร์น ต้นสังกัดในเวลานั้นของเจ้าตัวได้แล้วในราคา 15 บ้านปอนด์ แต่สุดท้าย เชียร์เรอร์ กลับย้ายไปอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมบ้านเกิดของตัวเองแทน และไปสร้างตำนานบทใหม่ในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค จากผลงาน 206 ประตู จาก 405 เกม แต่ก็ไม่ได้สัมผัสคว้าแชมป์รายการใดเลย
5.เจมี่ วาร์ดี้
หลังจาก เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นครั้งแรก ในฤดูกาล 2015-16 ก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนกลายเป็นแข้งเนื้อหอมทันที และย้ายไปหาความท้าทายครั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ย้ายไปอยู่กับ เชลซี และ ริยาด มาห์เรซ ที่ไปลงเอยกับ แมนฯ ซิตี้

ขณะที่ วาร์ดี้ ก็เป็นนักเตะของทีมอีกรายที่เนื้อหอมสุดๆไม่แพ้กันในเวลานั้นโดยใกล้เคียงที่จะย้ายไปร่วมทีม อาร์เซน่อล โดยยอดทีมแห่งลอนดอนได้มีการตกลงในเรื่องข้อเสนอสำหรับดาวยิงดีกรีทีมชาติอังกฤษไปแล้ว แต่สุดท้าย วาร์ดี้ กลับปฏิเสธที่จะย้ายไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2016
หลังจากนั้น วาร์ดี้ เคยเผยว่าตนไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจอยู่กับ เลสเตอร์ ต่อไป "ผมตัดสินใจไปแล้วและไม่เคยมองย้อนกลับไปเลย ผมต้องก้าวเดินต่อไปกับการเล่นฟุตบอลของผม และทำผลงานให้ดีกับต้นสังกัด"